“Maddy Hopper” รองเท้ารักษ์โลก คนรุ่นใหม่ใส่ได้ทุกวัน!
จากเพื่อนวัยประถมรวมตัวกัน 4 คน ร่วมมือกันสร้างแบรนด์รองเท้า “Maddy Hopper” ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นรองเท้ารักษ์โลก เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำรองเท้าเป็นวัสดุที่รีไซเคิลมา รวมไปถึงฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน
รองเท้าแบรนด์ Maddy Hopper เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อ เดือนตุลาคม ปี 2563 เพียงเท่านั้น แต่ก่อนที่จะเป็นสินค้าออกมาก็ได้พูดคุยวางคอนเซปท์ต่าง ๆ อยู่เป็นปีกว่าจะมีสินค้าออกมา เรียกได้ว่ามาพร้อม ๆ กับช่วงโควิด-19 แต่ก็ไม่กังวลใจแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นโอกาสใหม่ที่จะก้าวข้ามผ่านในจุดนี้ไปได้ แต่แบรนด์เราตรงนี้ก็เน้นออนไลน์เป็นหลักอยู่แล้ว
ชาญ- ชาญ สิทธิญาวณิชย์ และ ป๊อบ-ภาคิน โรจนเวคิน เจ้าของแบรนด์ “Maddy Hopper” เล่าว่า Maddy Hopper เริ่มต้นมาจาก ทั้ง 4 คน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก และเริ่มต้นพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนแล้วพบว่าทุกคนสนใจในเรื่องของความยั่งยืนของธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับความสนใจที่ต้องการจะมีธุรกิจร่วมกัน และตกลงกันว่าจะเป็นรองเท้า
อีกทั้งยังต้องการใส่ความรักษ์โลกเข้าไปในรองเท้าด้วย เพราะว่าทั้งคู่รู้สึกว่ารองเท้าที่ต้องการจริงๆ ไม่ได้มีในท้องตลาดขนาดนั้น ซึ่งรองเท้าที่ต้องการหลักๆ คือ ต้องดีทั้งกับผู้สวมใส่ และดีต่อโลก และจะต้องเป็นสไตล์ที่ชอบในราคาที่เข้าถึงได้
“เรารู้สึกว่ารองเท้าที่เราต้องการจริงๆ มันไม่ได้มี available หรือหาง่ายในตลาดขนาดนั้น คือรองเท้าที่เราต้องการมันจะต้อง 1. มันจะต้องดี ดีกับคนใส่แล้วก็ดีกับโลก 2. มันควรจะต้องเป็นดีไซน์ที่เราชอบและในราคาที่เราเข้าถึงด้วย และต้องเข้ากับคอนเซปท์รักษ์โลกด้วย และสิ่งสำคัญคือต้องสวมใส่สบาย และพอมาคิดๆ ดูแล้วเราจะอยากจะทำรองเท้าที่เราอยากจะใส่ และสามารถใส่ได้ทุกวัน”
ความแตกต่างของรองเท้า Maddy Hopper คือความรักษ์โลก และต้องเป็นเรื่องที่ดีต่อคนดีต่อโลก โดยแนวคิดหลักๆ จะมีอยู่ 3 อย่างคือ
1.Sustainable เรื่องสิ่งแวดล้อมคือต้องการทำให้ทุกอย่างมันยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะทำได้คือเป็นจุดหลักไม่ว่าจะเป็นตัวรองเท้าหรือแม้แต่ packaging
2.Function ต้องการให้สินค้ามีฟังก์ชั่นที่ดี ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่นรองเท้าก็พยายามทำให้มันนุ่มพิเศษ และสีต้องเข้ากับการแต่งตัวได้ทุกแบบ
3.Simple design คือเป็นสไตล์ที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ฉูดฉาดเกินไป
ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สี ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีความเชื่อมโยงไปกับธรรมชาติที่ต้องการจะรักษาเอาไว้ เช่น Sand Beach, Sand Mountain, Sunny Ocean, Sunny Cloud ราคาอยู่ที่ คู่ละ 1,990 บาท กลุ่มลูกค้าหลักๆ ก็จะเป็นกลุ่มที่สนใจสิ่งแวดล้อม อีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น ผลตอบรับถือได้ว่าดีมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรกทำให้ต้องสั่งผลิตรองเท้าเพิ่มมากขึ้น
🙇♂️ที่มาข้อมูลและรุปภาพ : https://mgronline.com/smes/detail/9640000030550?fbclid=IwAR2sy5fpW5azgQEPK_UmuD9SCzhrIVqupSzc1rbGG6HlzeGehS12fTNFPt0
รองเท้าแบรนด์ Maddy Hopper เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อ เดือนตุลาคม ปี 2563 เพียงเท่านั้น แต่ก่อนที่จะเป็นสินค้าออกมาก็ได้พูดคุยวางคอนเซปท์ต่าง ๆ อยู่เป็นปีกว่าจะมีสินค้าออกมา เรียกได้ว่ามาพร้อม ๆ กับช่วงโควิด-19 แต่ก็ไม่กังวลใจแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นโอกาสใหม่ที่จะก้าวข้ามผ่านในจุดนี้ไปได้ แต่แบรนด์เราตรงนี้ก็เน้นออนไลน์เป็นหลักอยู่แล้ว
ชาญ- ชาญ สิทธิญาวณิชย์ และ ป๊อบ-ภาคิน โรจนเวคิน เจ้าของแบรนด์ “Maddy Hopper” เล่าว่า Maddy Hopper เริ่มต้นมาจาก ทั้ง 4 คน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก และเริ่มต้นพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนแล้วพบว่าทุกคนสนใจในเรื่องของความยั่งยืนของธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับความสนใจที่ต้องการจะมีธุรกิจร่วมกัน และตกลงกันว่าจะเป็นรองเท้า
อีกทั้งยังต้องการใส่ความรักษ์โลกเข้าไปในรองเท้าด้วย เพราะว่าทั้งคู่รู้สึกว่ารองเท้าที่ต้องการจริงๆ ไม่ได้มีในท้องตลาดขนาดนั้น ซึ่งรองเท้าที่ต้องการหลักๆ คือ ต้องดีทั้งกับผู้สวมใส่ และดีต่อโลก และจะต้องเป็นสไตล์ที่ชอบในราคาที่เข้าถึงได้
“เรารู้สึกว่ารองเท้าที่เราต้องการจริงๆ มันไม่ได้มี available หรือหาง่ายในตลาดขนาดนั้น คือรองเท้าที่เราต้องการมันจะต้อง 1. มันจะต้องดี ดีกับคนใส่แล้วก็ดีกับโลก 2. มันควรจะต้องเป็นดีไซน์ที่เราชอบและในราคาที่เราเข้าถึงด้วย และต้องเข้ากับคอนเซปท์รักษ์โลกด้วย และสิ่งสำคัญคือต้องสวมใส่สบาย และพอมาคิดๆ ดูแล้วเราจะอยากจะทำรองเท้าที่เราอยากจะใส่ และสามารถใส่ได้ทุกวัน”
ความแตกต่างของรองเท้า Maddy Hopper คือความรักษ์โลก และต้องเป็นเรื่องที่ดีต่อคนดีต่อโลก โดยแนวคิดหลักๆ จะมีอยู่ 3 อย่างคือ
1.Sustainable เรื่องสิ่งแวดล้อมคือต้องการทำให้ทุกอย่างมันยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะทำได้คือเป็นจุดหลักไม่ว่าจะเป็นตัวรองเท้าหรือแม้แต่ packaging
2.Function ต้องการให้สินค้ามีฟังก์ชั่นที่ดี ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เช่นรองเท้าก็พยายามทำให้มันนุ่มพิเศษ และสีต้องเข้ากับการแต่งตัวได้ทุกแบบ
3.Simple design คือเป็นสไตล์ที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ฉูดฉาดเกินไป
ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สี ซึ่งแต่ละชื่อก็จะมีความเชื่อมโยงไปกับธรรมชาติที่ต้องการจะรักษาเอาไว้ เช่น Sand Beach, Sand Mountain, Sunny Ocean, Sunny Cloud ราคาอยู่ที่ คู่ละ 1,990 บาท กลุ่มลูกค้าหลักๆ ก็จะเป็นกลุ่มที่สนใจสิ่งแวดล้อม อีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น ผลตอบรับถือได้ว่าดีมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรกทำให้ต้องสั่งผลิตรองเท้าเพิ่มมากขึ้น
🙇♂️ที่มาข้อมูลและรุปภาพ : https://mgronline.com/smes/detail/9640000030550?fbclid=IwAR2sy5fpW5azgQEPK_UmuD9SCzhrIVqupSzc1rbGG6HlzeGehS12fTNFPt0
2,515 คน
©2024 TaokaeCafe.com