ไสใส ธุรกิจน้ำแข็งไส ที่ส่งต่อคุณค่าวัตถุดิบท้องถิ่น

ในโลกธุรกิจอาหารที่แข่งขันสูง หลายแบรนด์เลือกสร้างความแตกต่างด้วยรสชาติหรือประสบการณ์ แต่สำหรับ คุณฌา–ฬิฌฌา ตันติศิริวัฒน์ และ คุณมิ้นท์–เสาวลักษณ์ กิจวิกรัยอนันต์ พวกเธอกลับเลือกใช้ “วัตถุดิบท้องถิ่น” เป็นจุดยืนและหัวใจหลัก จนเกิดเป็นร้าน “ไสใส” (Saisai) ที่ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว
ธุรกิจเล็กๆ แห่งนี้ไม่ได้เพียงแค่ขายน้ำแข็งไสหรือโยเกิร์ตโบวล์ แต่ยังทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมระหว่างเกษตรกรต้นน้ำกับผู้บริโภค ปลุกคุณค่าและสร้างตลาดใหม่ให้วัตถุดิบพื้นถิ่นที่กำลังจะเลือนหาย
ไอเดียการสร้างร้าน “ไสใส” เกิดจากความตั้งใจทำให้วัตถุดิบพื้นถิ่นเข้าถึงง่ายขึ้น และหนึ่งในเมนูที่ทุกคนคุ้นเคยคือ น้ำแข็งไส ซึ่งไม่ต้องอธิบายมากก็เข้าใจได้ทันทีว่าทานอย่างไร อีกทั้งยังเป็นเมนูที่สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบได้ตลอดตามฤดูกาล
แม้จะดูง่าย แต่การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเรื่องปริมาณ ความไม่แน่นอนของฤดูกาล และรสชาติที่แตกต่างในแต่ละครั้ง ร้านจึงต้องหาวิธีเล่าเรื่องและสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เข้าใจว่ารสชาติที่เปลี่ยนไปคือเสน่ห์และความเป็นธรรมชาติ
📍จุดเริ่มต้นจากความผูกพันกับชุมชน
คุณฌาเริ่มต้นเส้นทางนี้จากการทำงานด้านข้าวพื้นเมือง ทำให้เธอได้มีโอกาสลงพื้นที่ รู้จักเกษตรกร และเห็นวิถีชีวิตจริงของผู้ปลูกข้าว รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ ในชุมชน สิ่งที่ค้นพบคือ วัตถุดิบเหล่านี้กำลังเผชิญความท้าทายเรื่องดีมานด์ที่ลดลง หากไม่มีตลาดรองรับ คนต้นน้ำก็อาจเลิกผลิตและภูมิปัญญาจะสูญหายไป
“วัตถุดิบพื้นบ้านจำนวนมากใช้ภูมิปัญญาล้วนๆ เช่น น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลชก ซึ่งหายากและใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะได้มา แต่เพราะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจน้อยลง ถ้าเราไม่ช่วยสร้างตลาด ของเหล่านี้ก็อาจสูญไป” – คุณฌา เล่า
ไสใสเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นกว่า 95% โดยอิงกับภูมิศาสตร์ เช่น น้ำตาลจากภาคใต้ สมุนไพรจากภาคเหนือ และข้าวจากภาคอีสาน
การทำงานกับเกษตรกรไม่ใช่แค่การซื้อขาย แต่คือการสร้างความสัมพันธ์และความไว้ใจ คุณฌาจะติดต่อเกษตรกรโดยตรง ทำความรู้จัก และเรียนรู้ภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบ ก่อนถ่ายทอดเรื่องราวต่อให้ผู้บริโภคเข้าใจ
นอกจากเมนูในร้าน ยังมีการจำหน่ายวัตถุดิบบางส่วน เช่น น้ำตาล น้ำผึ้ง ข้าวสาร หรือท็อปปิ้ง รวมถึงจัดชุดของขวัญและของชำร่วย เพื่อขยายโอกาสการส่งต่อวัตถุดิบสู่ผู้บริโภคคนอื่นๆ
🍨เมนูที่เล่าเรื่องท้องถิ่น ไสใสออกแบบเมนูโดยผสมผสานความคุ้นเคยกับความแปลกใหม่ เช่น
● แตงโมปลาคั่ว – แตงโมฉ่ำๆ เสิร์ฟคู่กับปลาคั่วจากสายบุรี ปัตตานี และมะพร้าวคั่ว เพิ่มกลิ่นหอมเฉพาะ
● โยเกิร์ตโบวล์งาขี้ม่อน – ใช้งาขี้ม่อนคั่วและครีมงาขี้ม่อน คู่กับครัมเบิ้ลกระบกและน้ำเชื่อมดอกจาก
● ซุปถั่วแดงโมจิย่าง – เมนูร้อนรับหน้าฝน ใช้ถั่วแดงจากเชียงใหม่และโมจิแป้งข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมือง
● มะแป๋มซ่า – ผลไม้พื้นถิ่นจากบึงกาฬ ออกผลปีละครั้ง นำมาดองในน้ำผึ้ง ก่อนนำไปทำเป็นเครื่องดื่มโซดาสดชื่น
ทุกเมนูคือการนำเสนอเรื่องราวใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงคุณค่าของวัตถุดิบไทยในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย
📝โมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า
การทำงานกับเกษตรกรไม่ใช่แค่การซื้อขาย แต่คือการสร้างความสัมพันธ์และความไว้ใจ คุณฌาจะติดต่อเกษตรกรโดยตรง ทำความรู้จัก และเรียนรู้ภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบ ก่อนถ่ายทอดเรื่องราวต่อให้ผู้บริโภคเข้าใจ
นอกจากเมนูในร้าน ยังมีการจำหน่ายวัตถุดิบบางส่วน เช่น น้ำตาล น้ำผึ้ง ข้าวสาร หรือท็อปปิ้ง รวมถึงจัดชุดของขวัญและของชำร่วย เพื่อขยายโอกาสการส่งต่อวัตถุดิบสู่ผู้บริโภคคนอื่นๆ
แม้ไสใสจะไม่ใช่ธุรกิจที่มุ่งเติบโตแบบอุตสาหกรรม
แต่ผู้ก่อตั้งย้ำเสมอว่าต้องการรักษาเสน่ห์ของวัตถุดิบและไม่ทำลายต้นทาง ทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่ พวกเธอมักได้รับพลังจากเกษตรกรที่ดีใจเมื่อมีคนเห็นคุณค่าและพร้อมสนับสนุน
“เราอาจจะไม่ต้องการขยายใหญ่โต แต่สิ่งที่อยากทำคือสร้างการรับรู้ ให้คนรู้จักวัตถุดิบท้องถิ่นมากขึ้น และคงเสน่ห์เหล่านี้ไว้ให้นานที่สุด” – คุณฌา กล่าว

บทสรุป
“ไสใส” คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจของธุรกิจอาหารที่ผสานทั้ง เรื่องราว วัฒนธรรม และการตลาด เข้าด้วยกัน ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาความแปลกใหม่ แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าและความยั่งยืนให้กับชุมชนต้นน้ำ
การเดินทางของไสใสตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อาจสะท้อนภาพที่ใหญ่กว่า คือการพิสูจน์ว่า ธุรกิจเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า สามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่ยั่งยืนได้ ทั้งต่อผู้คน วัตถุดิบ และวัฒนธรรมการกินไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก : เส้นทางเศรษฐี
ธุรกิจเล็กๆ แห่งนี้ไม่ได้เพียงแค่ขายน้ำแข็งไสหรือโยเกิร์ตโบวล์ แต่ยังทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมระหว่างเกษตรกรต้นน้ำกับผู้บริโภค ปลุกคุณค่าและสร้างตลาดใหม่ให้วัตถุดิบพื้นถิ่นที่กำลังจะเลือนหาย
ไอเดียการสร้างร้าน “ไสใส” เกิดจากความตั้งใจทำให้วัตถุดิบพื้นถิ่นเข้าถึงง่ายขึ้น และหนึ่งในเมนูที่ทุกคนคุ้นเคยคือ น้ำแข็งไส ซึ่งไม่ต้องอธิบายมากก็เข้าใจได้ทันทีว่าทานอย่างไร อีกทั้งยังเป็นเมนูที่สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบได้ตลอดตามฤดูกาล
แม้จะดูง่าย แต่การใช้วัตถุดิบท้องถิ่นกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเรื่องปริมาณ ความไม่แน่นอนของฤดูกาล และรสชาติที่แตกต่างในแต่ละครั้ง ร้านจึงต้องหาวิธีเล่าเรื่องและสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เข้าใจว่ารสชาติที่เปลี่ยนไปคือเสน่ห์และความเป็นธรรมชาติ
📍จุดเริ่มต้นจากความผูกพันกับชุมชน
คุณฌาเริ่มต้นเส้นทางนี้จากการทำงานด้านข้าวพื้นเมือง ทำให้เธอได้มีโอกาสลงพื้นที่ รู้จักเกษตรกร และเห็นวิถีชีวิตจริงของผู้ปลูกข้าว รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ ในชุมชน สิ่งที่ค้นพบคือ วัตถุดิบเหล่านี้กำลังเผชิญความท้าทายเรื่องดีมานด์ที่ลดลง หากไม่มีตลาดรองรับ คนต้นน้ำก็อาจเลิกผลิตและภูมิปัญญาจะสูญหายไป
“วัตถุดิบพื้นบ้านจำนวนมากใช้ภูมิปัญญาล้วนๆ เช่น น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลชก ซึ่งหายากและใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะได้มา แต่เพราะคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจน้อยลง ถ้าเราไม่ช่วยสร้างตลาด ของเหล่านี้ก็อาจสูญไป” – คุณฌา เล่า
ไสใสเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นกว่า 95% โดยอิงกับภูมิศาสตร์ เช่น น้ำตาลจากภาคใต้ สมุนไพรจากภาคเหนือ และข้าวจากภาคอีสาน
การทำงานกับเกษตรกรไม่ใช่แค่การซื้อขาย แต่คือการสร้างความสัมพันธ์และความไว้ใจ คุณฌาจะติดต่อเกษตรกรโดยตรง ทำความรู้จัก และเรียนรู้ภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบ ก่อนถ่ายทอดเรื่องราวต่อให้ผู้บริโภคเข้าใจ
นอกจากเมนูในร้าน ยังมีการจำหน่ายวัตถุดิบบางส่วน เช่น น้ำตาล น้ำผึ้ง ข้าวสาร หรือท็อปปิ้ง รวมถึงจัดชุดของขวัญและของชำร่วย เพื่อขยายโอกาสการส่งต่อวัตถุดิบสู่ผู้บริโภคคนอื่นๆ
🍨เมนูที่เล่าเรื่องท้องถิ่น ไสใสออกแบบเมนูโดยผสมผสานความคุ้นเคยกับความแปลกใหม่ เช่น
● แตงโมปลาคั่ว – แตงโมฉ่ำๆ เสิร์ฟคู่กับปลาคั่วจากสายบุรี ปัตตานี และมะพร้าวคั่ว เพิ่มกลิ่นหอมเฉพาะ
● โยเกิร์ตโบวล์งาขี้ม่อน – ใช้งาขี้ม่อนคั่วและครีมงาขี้ม่อน คู่กับครัมเบิ้ลกระบกและน้ำเชื่อมดอกจาก
● ซุปถั่วแดงโมจิย่าง – เมนูร้อนรับหน้าฝน ใช้ถั่วแดงจากเชียงใหม่และโมจิแป้งข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมือง
● มะแป๋มซ่า – ผลไม้พื้นถิ่นจากบึงกาฬ ออกผลปีละครั้ง นำมาดองในน้ำผึ้ง ก่อนนำไปทำเป็นเครื่องดื่มโซดาสดชื่น

📝โมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า
การทำงานกับเกษตรกรไม่ใช่แค่การซื้อขาย แต่คือการสร้างความสัมพันธ์และความไว้ใจ คุณฌาจะติดต่อเกษตรกรโดยตรง ทำความรู้จัก และเรียนรู้ภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบ ก่อนถ่ายทอดเรื่องราวต่อให้ผู้บริโภคเข้าใจ
นอกจากเมนูในร้าน ยังมีการจำหน่ายวัตถุดิบบางส่วน เช่น น้ำตาล น้ำผึ้ง ข้าวสาร หรือท็อปปิ้ง รวมถึงจัดชุดของขวัญและของชำร่วย เพื่อขยายโอกาสการส่งต่อวัตถุดิบสู่ผู้บริโภคคนอื่นๆ
แม้ไสใสจะไม่ใช่ธุรกิจที่มุ่งเติบโตแบบอุตสาหกรรม
แต่ผู้ก่อตั้งย้ำเสมอว่าต้องการรักษาเสน่ห์ของวัตถุดิบและไม่ทำลายต้นทาง ทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่ พวกเธอมักได้รับพลังจากเกษตรกรที่ดีใจเมื่อมีคนเห็นคุณค่าและพร้อมสนับสนุน
“เราอาจจะไม่ต้องการขยายใหญ่โต แต่สิ่งที่อยากทำคือสร้างการรับรู้ ให้คนรู้จักวัตถุดิบท้องถิ่นมากขึ้น และคงเสน่ห์เหล่านี้ไว้ให้นานที่สุด” – คุณฌา กล่าว

บทสรุป
“ไสใส” คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจของธุรกิจอาหารที่ผสานทั้ง เรื่องราว วัฒนธรรม และการตลาด เข้าด้วยกัน ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาความแปลกใหม่ แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าและความยั่งยืนให้กับชุมชนต้นน้ำ
การเดินทางของไสใสตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อาจสะท้อนภาพที่ใหญ่กว่า คือการพิสูจน์ว่า ธุรกิจเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า สามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่ยั่งยืนได้ ทั้งต่อผู้คน วัตถุดิบ และวัฒนธรรมการกินไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก : เส้นทางเศรษฐี
51 คน
ข่าวธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
©2025 TaokaeCafe.com