แพคเกจ TaokaeCafe
แพคเกจ TaokaeCafe

วิเคราะห์ตลาดสุกี้: เมื่อสงครามราคาของแบรนด์ใหญ่ เผาธุรกิจรายย่อยทั้งประเทศ

22 ส.ค. 2568 10:31:55
วิเคราะห์ตลาดสุกี้: เมื่อสงครามราคาของแบรนด์ใหญ่ เผาธุรกิจรายย่อยทั้งประเทศ
🍲“ตลาดสุกี้” วันนี้ไม่ได้เดือดแค่ในหม้อ แต่กลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่ร้อนแรงจนถึงขั้น “พังโครงสร้างราคา” ทั่วประเทศ — ข้อสังเกตที่ คุณต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี หรือ Torpenguin กูรูธุรกิจอาหารชื่อดัง ได้สะท้อนผ่านวงสนทนาในรายการ Exclusive Round Table โดยเส้นทางเศรษฐีออนไลน์และมติชนทีวี


📁โครงสร้างตลาดที่เปลี่ยนไป และต้นทุนที่ถาโถม

ประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจประมาณ 3 ล้านราย โดย 600,000 รายคือร้านอาหาร ซึ่งคิดเป็นถึง 1 ใน 5 ของทั้งระบบธุรกิจประเทศ เมื่อเจอปัจจัยรุมเร้าทั้งต้นทุนวัตถุดิบ ค่าเช่าที่ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ร้านอาหารจำนวนมากจึงต้องดิ้นรนอยู่รอดในระบบที่โหดหินยิ่งกว่าเดิม

ในอดีต ห้างสรรพสินค้าคือแหล่งสร้างรายได้หลักของร้านอาหาร แต่เมื่อพฤติกรรมคนกรุงเทพฯ ลดการเดินห้าง ความถี่และจำนวนการใช้จ่ายต่อครั้งก็น้อยลงเช่นกัน กลับกลายเป็นว่าร้านอาหารยังคงเป็นกลุ่มที่ "พอมีแรง" ในการเช่าพื้นที่ จนห้างต้องขยายสัดส่วนร้านอาหารในศูนย์จาก 20-30% เป็นเกือบ 50% แต่เมื่อคนไม่เดินห้าง การเติบโตจึงถูกบีบให้ “ออกมานอกห้าง” สู่สนามแข่งขันใหม่ที่รุนแรงยิ่งกว่า


🔥⚡️การเปิดศึกของแบรนด์ใหญ่: จุดเริ่มต้นของความปั่นป่วน

เมื่อบริษัทใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต้องการขยายรายได้ จึงเลือกใช้กลยุทธ์ “Fighting Brand” หรือการออกแบรนด์ใหม่ที่มีราคาถูกกว่า เพื่อตีตลาดสตรีทฟู้ดโดยตรง ด้วยทุนที่หนากว่า ระบบหลังบ้านที่ดีกว่า และกลยุทธ์การตลาดที่ล้ำลึกกว่า พวกเขาเข้าสู่สนามรบเดียวกับร้านรายย่อยอย่างเต็มรูปแบบ

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในตลาดสุกี้คือ “สงครามราคาที่ถล่มโครงสร้าง” เพราะการปะทะกันของ 2 แบรนด์ใหญ่ ได้ลดราคาลงในระดับที่ร้านเล็กไม่มีทางตามทัน ลูกค้าจึงเอนเอียงไปหาสิ่งที่คุ้มค่าและดู “โปร” กว่า จนทำให้ร้านอีก 98% ของตลาดต้องเผชิญกับภาวะถดถอย พูดได้ว่าระบบราคาของตลาดสุกี้ทั่วประเทศ “พัง” อย่างแท้จริง

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ “ความเป็นแฟชั่น” ของธุรกิจอาหารในยุคนี้ คุณต่อชี้ว่า ร้านอาหารต้องคิดเมนูใหม่อยู่ตลอดเวลา ต้องมีพลังในการทำการตลาดแบบไม่หยุดพัก และต้องเข้าใจเครื่องมือออนไลน์ โดยเฉพาะ TikTok ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค แต่ปัญหาคือ คนที่เข้าใจและใช้งานได้ดีจริงๆ มีน้อยมากไม่ถึง 1% ของตลาด

สิ่งที่สะท้อนกลับมาคือ ร้านเล็กจำนวนมาก “ไม่ทันเกม” และกลายเป็นผู้แพ้ในระบบการแข่งขันที่ดุเดือด ผู้บริโภคเองก็ถูกสปอยล์ด้วยโซเชียลมีเดียและโปรโมชั่นจากแพลตฟอร์มต่างๆ จนกลายเป็นว่าร้านที่ไม่ได้อยู่บนกระแส ไม่มีพื้นที่บนหน้าจอ ก็แทบจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจในทันที


📌มองไปข้างหน้า: คำถามต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค

คุณต่อเสนอแนวคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาภาครัฐเพียงอย่างเดียวในการแก้ปัญหา แต่ต้องเริ่มจากความร่วมมือของทุกฝ่าย เช่น ร้านอาหารอาจกันงบ 5-10% ไปซื้อวัตถุดิบจากชาวบ้านละแวกใกล้เคียง แล้วนำมาทำเป็นเมนูตามฤดูกาล เพื่อสร้างความต่างที่มีความหมาย

ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็ต้องทบทวนตัวเอง ว่าเราสนับสนุนระบบที่ยุติธรรมจริงหรือไม่ เรากำลังเลือกจ่ายแพงขึ้นเพื่อความสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน ในขณะที่ร้านเล็กหน้าปากซอยอาจกำลังจะปิดตัวลงเพราะไม่มีลูกค้าเดินเข้า

สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดสุกี้วันนี้ เป็นเพียงภาพสะท้อนของภาวะที่เกิดขึ้นในวงกว้าง — การที่ทุนใหญ่ถล่มตลาดด้วยการแข่งขันที่รุนแรง, ระบบออนไลน์ที่กระจุกอยู่ในมือคนส่วนน้อย, และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

สุดท้ายคำถามสำคัญคือ "เราจะปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจของเราอยู่ภายใต้การควบคุมของแบรนด์ใหญ่ และความสะดวกสบายตลอดไปหรือไม่?" หรือเราจะหันกลับมาให้คุณค่ากับร้านเล็กๆ ที่ยังคงใช้ใจทำอาหาร และยังคงหวังเพียงว่าจะมีลูกค้าอีกสักคนเดินเข้ามาในวันพรุ่งนี้


🙇‍ขอบคุณข้อมูลจาก : เส้นทางเศรษฐี
336 คน

taokaecafe.com มีการใช้คุกกี้ อ่านเพิ่มเติม