แพคเกจ TaokaeCafe
แพคเกจ TaokaeCafe

เปรียบเทียบ 4 ระบบ POS ร้านอาหารชั้นนำในไทย

25 ส.ค. 2568 13:55:22
เปรียบเทียบ 4 ระบบ POS ร้านอาหารชั้นนำในไทย

ธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่แทบทุกขนาดตั้งแต่ร้านเล็ก คาเฟ่ ไปจนถึงแฟรนไชส์ใหญ่ ต่างก็ต้องใช้ระบบ POS (Point of Sale) เพื่อช่วยจัดการหน้าร้านและหลังร้านอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรับออเดอร์ คิดเงิน บริหารสต๊อก หรือติดตามยอดขายแบบเรียลไทม์ ระบบ POS ที่ดีจะช่วยลดความผิดพลาดและภาระงานของพนักงาน ทำให้เจ้าของร้านมีเวลาพัฒนาธุรกิจมากขึ้น   



Wongnai POS

เริ่มกันที่ Wongnai POS  เป็นระบบจัดการร้านอาหารที่ออกแบบมาตอบโจทย์ร้านค้าทุกขนาด ด้วยจุดเด่นที่ใช้งานง่ายในราคาที่เข้าถึงได้ เริ่มต้นใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทุนสูง อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ LINE MAN ได้ในเครื่องเดียว ช่วยเพิ่มยอดขายผ่านบริการเดลิเวอรีได้ทันที พร้อมระบบบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ฟีเจอร์เด่น : 
✔︎รับออเดอร์หน้าร้าน + เดลิเวอรีในเครื่องเดียว (เชื่อม LINE MAN)
✔︎ จัดการโต๊ะและออกใบเสร็จ (มีเครื่องพิมพ์ในตัว 
✔︎ ระบบสมาชิกสะสมแต้ม (Wongnai Reward)
✔︎ ดูยอดขายและสต๊อกเรียลไทม์ผ่านมือถือ

จุดแข็ง : 
✔︎ ใช้งานง่าย หน้าจอสบายตา ไม่ซับซ้อน
✔︎ ผสาน LINE MANรับออเดอร์เดลิเวอรีอัตโนมัติในระบบ
✔︎ ซื้อขาดอุปกรณ์พร้อมซอฟต์แวร์ (ไม่มีค่ารายเดือน)

เหมาะกับร้าน : ร้านอาหาร/คาเฟ่ ขนาดเล็ก สาขาเดียว และซอฟต์แวร์ ฟรีตลอดชีพ (ไม่มีค่าใช้จ่ายรายวัน/เดือน)



FoodStory POS 

FoodStory POS  เป็นระบบ POS ที่สามารถช่วยให้ร้านค้า จัดการครบทั้งออเดอร์หน้าร้านและออนไลน์ รองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทางผ่านเครื่อง EDC ที่เชื่อมต่อกับระบบ POS โดยตรง ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ร้าน นอกจากนี้ยังสามารถจัดการข้อมูลพนักงานและระบบลงเวลาได้ในที่เดียว เพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน ขณะเดียวกันก็มีรายงานยอดขายแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เจ้าของร้านวางแผนธุรกิจได้อย่างแม่นยำ และยังมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าด้วยระบบสแกน QR Code เพื่อสั่งอาหารได้อีกด้วย
 ฟีเจอร์เด่น :
✔︎ ระบบ Mobile Order สั่งอาหารที่โต๊ะผ่าน QR Code
✔︎ เชื่อมต่อเครื่องรูดบัตร EDC และ e-Payment อื่น ๆ อัตโนมัติ
✔︎ ฟีเจอร์ครบวงจร ทั้งหน้าร้านหลังร้านระดับมืออาชีพ
✔︎ รองรับร้านใหญ่/หลายสาขา ขยายธุรกิจได้ไม่ติดข้อจำกัด
✔︎ ซัพพอร์ต 24/7 (มีทีมดูแลตลอดเวลา)

เหมาะกับร้าน :  ร้านอาหาร ขนาดกลาง-ใหญ่, ร้านแบบ Full Service ร้านบุฟเฟ่ต์  หรือธุรกิจที่มี 1 สาขาหรือวางแผนขยายสาขา



Ocha POS 

Ocha POS เป็นระบบจัดการร้านอาหารที่ออกแบบมาสำหรับร้านเล็กถึงขนาดกลาง โดยเฉพาะร้านที่เพิ่งเริ่มต้นหรือยังไม่มีระบบมาก่อน จุดเด่นคือใช้งานง่ายมาก เพียงดาวน์โหลดแอปบนมือถือหรือแท็บเล็ตก็เริ่มต้นได้ทันที ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ รองรับการจัดการออเดอร์และผังโต๊ะได้อย่างไม่ซับซ้อน มาพร้อมระบบสต๊อกพื้นฐานที่ตัดสต๊อกอัตโนมัติ และแจ้งเตือนเมนูหมด รองรับการชำระเงินผ่าน e-payment หลากหลายช่องทาง เช่น PromptPay, ShopeePay และสามารถดูรายงานยอดขายแบบเรียลไทม์ผ่านแอป Ocha Manager ได้สะดวก
ราคาซอฟต์แวร์เฉลี่ยเพียงวันละ 5–6 บาท มีแพ็กเกจให้เลือกตั้งแต่ 3 ถึง 36 เดือน ช่วยให้ร้านสามารถเริ่มต้นระบบ POS ได้ในงบจำกัด เหมาะสำหรับร้านอาหารที่มีเมนูไม่ซับซ้อน เช่น ร้านข้าวแกง ร้านอาหารตามสั่ง หรือคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ต้องการความคล่องตัว ฟีเจอร์ไม่เยอะเกินจำเป็น แต่ครบถ้วนสำหรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ช่วยให้ร้านบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องยุ่งยากกับระบบซับซ้อนเกินไป



StoreHub POS 

POS นี้คือระบบ All-in-one ตอบโจทย์ธุรกิจร้านอาหารและร้านค้าทุกประเภท ด้วยจุดแข็งด้านบริการหลังการขายที่ขึ้นชื่อ พร้อมฐานผู้ใช้งานมากกว่า 17,000 ธุรกิจในหลายประเทศ จึงมั่นใจได้ในความเสถียรและการสนับสนุนที่มืออาชีพ
จุดเด่น คือ ฟีเจอร์ที่ครอบคลุมทุกด้านของการบริหารร้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบขายหน้าร้าน การจัดการสต็อกสินค้า การลงเวลาพนักงาน ไปจนถึงการสร้างระบบ CRM, สมาชิกสะสมแต้ม และเชื่อมต่อช่องทางขายออนไลน์ (Ecommerce) ได้ครบในระบบเดียว ช่วยให้เจ้าของร้านจัดการทุกอย่างได้ง่ายขึ้น พร้อมเติบโตอย่างมีระบบและยั่งยืน.

นอกจากนี้ยังรองรับการสั่งและชำระเงินผ่าน QR Code, การสั่งสินค้าออนไลน์, การเปิดร้านออนไลน์ผ่าน Webstore, ระบบ CRM เพื่อดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำการตลาดผ่าน SMS StoreHub จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการระบบที่ครอบคลุม พร้อมรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวายกับการใช้หลายระบบแยกกัน.



POS2U

โปรแกรม POS บนระบบ Android ตัวนี้ออกแบบมาสำหรับร้านค้าปลีกและร้านอาหารขนาดเล็กถึงกลาง โดยมาพร้อมเครื่องคิดเงินและระบบจัดการสต๊อกในตัว รองรับทั้งการขายแบบยิงบาร์โค้ดหรือจอสัมผัส ใช้งานง่าย ครอบคลุมทุกการขายหน้าร้าน สามารถบริหารสต๊อกหลายสาขาได้ในระบบเดียว ทั้งการเช็ค ปรับ หรือโอนสต๊อกระหว่างสาขา รวมถึงกำหนดราคาขายได้หลายกลุ่ม ทำส่วนลดรายชิ้นหรือทั้งบิล และพิมพ์บาร์โค้ดสินค้าได้อย่างสะดวก
จุดเด่น คือ ราคาประหยัด คุ้มค่า ฟีเจอร์เกินราคา โดยมีชุดเครื่อง POS พร้อมซอฟต์แวร์เริ่มต้นเพียงประมาณ 8,900 บาท และไม่มีค่ารายเดือนผูกมัด ผู้ใช้งานสามารถทดลองใช้ได้ฟรีก่อนตัดสินใจ เหมาะสำหรับร้านที่ต้องการระบบราคาย่อมเยาแต่ได้ฟังก์ชันครบ ทั้งในงานขายของทั่วไปและร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีระบบบัญชีลูกค้าที่สามารถเก็บประวัติการซื้อ ดูข้อมูลลูกค้าซื้อซ้ำได้ รองรับการใช้งานผ่านเครื่อง POS Android หลายรุ่น (หน้าจอ 8–15 นิ้ว พร้อมปริ้นเตอร์ในตัว) ในราคาประมาณ 9,000–18,000 บาท ขึ้นอยู่กับสเปกและโปรโมชั่น.



💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢​💢💢💢💢💢💢💢💢💢​💢💢💢💢💢💢💢

สรุปข้อดีของ POS แต่ละแบรนด์ 

📌ร้านเล็ก/เริ่มต้น งบจำกัด  

เหมาะกับ Ocha POS หรือ Wongnai POS รุ่นเล็ก ตอบโจทย์ได้ดี เพราะราคาไม่แพงและใช้งานง่าย มีฟีเจอร์พื้นฐานครบ เช่น รับออเดอร์ผ่านแท็บเล็ต/มือถือ, จัดการโต๊ะง่าย ๆ และสรุปยอดขายรายวัน

โดย Ocha เด่นที่ราคาถูกที่สุด (วันละหลักหน่วยบาท) เหมาะกับร้านที่ยังไม่ต้องการฟีเจอร์ซับซ้อนมากนักส่วน Wongnai POS แม้ตัวเครื่องมีต้นทุนสูงกว่าแต่ไม่มีค่าซอฟต์แวร์รายเดือน และได้เปรียบเรื่องการเชื่อมต่อ LINE MAN ในตัว เหมาะกับร้านที่ขายเดลิเวอรีควบคู่ไปด้วย


📌ร้านขนาดกลาง/หลายสาขา

ควรพิจารณาระบบที่รองรับการขยายสาขาและบริหารสต๊อกได้ดี เช่น FoodStory POS หรือ StoreHub POS ซึ่งออกแบบมาเพื่อจัดการธุรกิจหลายสาขาโดยเฉพาะ เช่น มี ระบบรวมศูนย์ข้อมูลทุกสาขา (Master Data) ของ FoodStory และการโอนย้ายสต๊อก/ดูยอดขายข้ามสาขาของ StoreHub  

ระบบเหล่านี้มีฟีเจอร์วิเคราะห์ยอดขายเชิงลึกและ CRM ช่วยสร้างลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ POS ทั่วไปอย่าง Ocha ยังทำได้ไม่ครอบคลุม ร้านใหญ่/แฟรนไชส์/ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง ระบบ FoodStory POS และ Choco POS เหมาะกับธุรกิจระดับนี้ เพราะมีฟังก์ชันครบครันสำหรับองค์กร เช่น บริหารสาขาจำนวนมาก, ระบบสมาชิกและสะสมแต้มขั้นสูงที่เชื่อมต่อฐานลูกค้าจำนวนมากได้ และการจัดการพนักงานเป็นระบบ (กำหนดสิทธิ์, เช็คเวลาเข้างาน, คำนวณค่าคอมมิชชั่น ได้ใน Choco POS แต่ระบบเหล่านี้มักมีค่าใช้จ่ายรายเดือนสูงกว่าและต้องการการตั้งค่าที่ซับซ้อนกว่า จึงเหมาะกับผู้ประกอบการที่พร้อมลงทุนด้านระบบไอทีเพื่อประสิทธิภาพระยะยาว


📌ร้านที่เน้นออนไลน์/เดลิเวอรี 

หากร้านของคุณขายผ่านหลายช่องทาง (หน้าร้าน, เดลิเวอรี, ออนไลน์) ระบบที่ผสานช่องทางเหล่านี้ได้จะช่วยประหยัดเวลา StoreHub POS โดดเด่นในเรื่องการเชื่อมข้อมูลระหว่าง หน้าร้านกับร้านออนไลน์ เช่น Sync เมนูและสต๊อกกับช่องทางเดลิเวอรีหรือ Marketplace ต่าง ๆ ส่วน Wongnai POS จะได้เปรียบสำหรับการรับออร์เดอร์ผ่าน LINE MAN โดยตรง ไม่ต้องใช้แท็บแยก ทำให้จัดคิวหน้าร้านกับเดลิเวอรีรวมกันได้เลย


โดยสรุปแล้ว การเลือกระบบ POS ควรพิจารณาจากขนาด และประเภทของธุรกิจร้านอาหารของเป็นหลัก ร้านเล็กอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบใหญ่ราคาแพง ในขณะที่ร้านใหญ่หรือแฟรนไชส์ควรมองหาระบบที่รองรับการเติบโตได้ในระยะยาว นอกจากนี้ควรพิจารณาเรื่อง การซัพพอร์ตหลังการขาย ด้วย เพราะหากระบบขัดข้องขึ้นมา การได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วจะลดความเสียหายที่อาจเกิดกับกิจการได้มาก หวังว่าข้อมูลเปรียบเทียบนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกระบบ POS ที่เหมาะสมกับร้านของคุณได้ง่ายขึ้น
 

32 คน

taokaecafe.com มีการใช้คุกกี้ อ่านเพิ่มเติม