Black jack Coffee คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town

Coffee For Friend ลูกค้าทุกคนคือเพื่อนของเรา - Black jack Coffee
Coffee For Friend ลูกค้าทุกคนคือเพื่อนของเรา

าวน์อินทาวน์ (Town In Town) สถานที่พบปะสังสรรค์  เป็นชุมชนคนเมือง เป็นศูนย์รวมร้านอาหารเด็ดร้านดังที่เปิดให้บริการจำนวนมาก บอกได้เลยว่า ใครที่เคยผ่านไปหรืออยู่แถวนั้น คือ ห้ามพลาด!
           
เช่นเดียวกับร้านร้านกาแฟที่เปิดให้บริการเยอะเช่นกัน ซึ่งแต่ละร้านก็มีจุดเด่นในสไตล์ของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นร้านแบรนด์ดังและร้านใหญ่โตอะไร แต่ขอเพียงรสชาติถูกปากราคาถูกใจ และการบริการเป็นกันเองกับลูกค้าในแบบฉบับ Coffee For Friend ก็เชื่อได้ว่า ลูกค้าติดกันงอมแงมแน่นอน
 


 
และหนึ่งในร้านคาเฟ่ ที่ให้บริการลูกค้าแบบ Coffee For Friend ในย่านทาวน์อินทาวน์ ต้องยกให้ Black jack Coffee town in town (แบล็คแจ๊คคอฟฟี่ทาวน์อินทาวน์) ร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเสน่ห์และความเท่ในแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน และกลั่นออกมาจากความเป็น ‘ตัวตน’ ของ คุณอาร์ม-ณัฐพงค์ จันทร์สว่าง เจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้

รวมไปถึงเพื่อนฝูงที่ร่วมหัวจมท้ายช่วยกันบริหารร้านมาด้วยกัน ได้แก่ คุณอาร์ม (หนุ่มมาดเซอร์ผมยาว), คุณเบนซ์ และ คุณแม็ก
       
ย้อนไปเกือบ 10 ปีที่แล้ว Black jack Coffee เริ่มต้นจากร้านกาแฟเล็ก ๆ จากการสานต่อร้านชาปักษ์ใต้ ที่ใช้ชื่อ  ‘ชาเมืองลุง’ โดยเป็นเพียงคีออสก์ไม้เก่า ๆ ของคุณอา ของคุณอาร์ม-ณัฐพงค์ ซึ่งเปิดขายชาและกาแฟโบราณให้ลูกค้าย่านทาวน์อินทาวน์เป็นเจ้าแรก ๆ  และได้คุณอาร์ม เข้ามาสานต่อกิจการ โดยได้เปิดขายไม่มีวันหยุด และคุณอาร์มเปิดร้านทำขายเพียงคนเดียว จนกระทั่งยอดขายดีขึ้นเรื่อย ๆ กว่า 200 แก้ว/วัน  มีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นจุดเปลี่ยน จากร้านชาร้านเล็ก ๆ เปลี่ยนโฉมและขยับขยายกลายมาเป็น  Black jack Coffee town in town สุด Cool เช่นวันนี้

 
 


Q : จุดเริ่มต้น Black jack Coffee

A : Black jack Coffee เกิดขึ้นอย่างมีเหตุมีผลของมัน อาจจะไม่ใช่เรื่องของ Passion เพราะจริง ๆ แล้ว มันเป็นการจับพลัดจับผลูเสียมากกว่า

เดิมทีผมเป็นเด็กเกาะหมาก บ้านเกิดอยู่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง แต่พอโตขึ้นก็ย้ายขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ มาช่วยคุณอาทำร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม ในย่านทาวน์อินทาวน์นี่แหละ ก็ได้ซึมซับความรู้ ประสบการณ์ การทำอาหารและเครื่องดื่มติดตัวมาโดยตลอด แต่ขณะนั้นเป็นช่วงปี พ.ศ.2554 ที่กรุงเทพฯ น้ำท่วมหนักพอดี ตอนนั้นจึงตัดสินใจกลับบ้าน (ลงใต้) พร้อมกับอา

แต่ไม่นานผมก็กลับขึ้นมากรุงเทพฯ คนเดียว เพื่อมาเปิดร้านขายเครื่องดื่มที่คุณอาทิ้งเอาไว้ให้ เพราะคุณอาต้องอยู่ดูแลครอบครัวต่อที่ จ.ยะลา ซึ่งส่วนตัวผมไม่รู้จะไปทำงานอะไร จึงได้สานต่อร้านชาเมืองลุงของคุณอา โดยเปิดร้านทำคนเดียวมาตลอด จะมีน้องชายมาช่วยขายบ้าง แต่ก็ไป ๆ มา ๆ เพราะเขาก็มีงานประจำของเขา

สมัยนั้น ผมออกแบบร้านเป็นคีออสก์เล็ก ๆ ทาสีดำ เพราะส่วนตัวชอบสีดำและสีขาว แต่ยังใช้ชื่อชาเมืองลุง ที่อาเป็นคนตั้งให้ ส่วนเมนูก็ทั่วไป เช่น ชาสูตรปักษ์ใต้, กาแฟโบราณ ฯลฯ

ซึ่งต่อมาเริ่มมีลูกค้ามาขอถ่ายรูป เริ่มมีรายการโทรทัศน์, เริ่มมีสื่อนิตยสาร, เจ้าของ Page Facebook เกี่ยวกับรีวิวร้าน มาขอถ่ายรีวิว ซึ่งจริง ๆ ผมก็ไม่รู้ทำไม แต่อาจเป็นเพราะ เราบริการลูกค้าดุจเพื่อนฝูงญาติมิตร และรสชาติเครื่องดื่มคงที่ได้มาตรฐาน และอาจเป็นเพราะผมขายคนเดียวมาตลอด ทำให้ลูกค้าจดจดเราได้ และบอกกันปากต่อปาก

หลังจากนั้น ร้านเริ่มเป็นที่นิยม จนกระทั่งยอดขายดีขึ้นเรื่อย ๆ กว่า 200 แก้ว/วัน  มีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ผลประกอบการดีขึ้น ผมจึงค่อย ๆ ขยับขยายร้าน และมองหาทำเลที่ดีกว่า พื้นที่ที่กว้างขวางก็เดิม แต่ก็อยู่ในพื้นที่ทาวน์อินทาวน์นี่ล่ะ เพราะเราผูกพันกับพื้นที่และลูกค้าที่นี่
 

          “ผมคิดว่า ร้านเหมือนบ้าน เพราะผมอยู่ร้านมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก ผมจึงอยากตกแต่งร้านให้เหมือนกับว่า เราได้อยู่บ้าน และอยากให้ลูกค้าแวะมาบ้านของเราทุกวัน”
 

 


Q : นำ Know How สูตรและเทคนิคทำเครื่องดื่มมาจากไหน

A : สูตรเครื่องดื่ม เราเรียนรู้จากการอยู่กับมันทุก ๆ วัน และเกิดจากสูตรของคุณอาที่ทิ้งเอาไว้ให้เหมือนมรดก ซึ่งจากที่เมื่อก่อนใช้กะเกณฑ์เอา แต่ตอนนี้ทุกสูตรเราใช้การชั่ง-ตวง-วัด  อย่างเช่น BLACKJACK โกโก้, BLACKJACK คอฟฟี่ ที่เป็นเมนูเด่นของร้านขายดีที่สุด โดยเราใช้การชั่ง-ตวง-วัด แบบเป๊ะ ๆ ซึ่งทีมงาน Black jack Coffee ใครทำก็เหมือนกัน รสชาติอร่อยเท่ากัน มาตรฐานเดียวกันหมด
           

 

คุณอาร์ม-ณัฐพงค์ จันทร์สว่าง และทีมงานคุณภาพแห่ง BLACK JACK COFFEE


 

Q : สมัยก่อนที่เปิดร้านขายคนเดียวมาหลายปี ไม่มีวันหยุด ทำได้อย่างไร

A : ผมคิดว่า ผมสนุกและรู้สึกเพลินนะ เวลามาอยู่ที่ร้าน เวลาทำเครื่องดื่มให้ลูกค้า เหมือนทำให้เพื่อนชิม และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว ๆ ต่าง ๆ กับลูกค้า ทำให้ผมสนุกและไม่รู้สึกเหนื่อย บอกตามตรงว่า อยู่ห้องโคตรเหงา แต่พอมาเปิดร้านรู้สึกสนุกมาก ๆ

แต่ยอมรับว่า มีช่วงหนึ่งที่ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น เริ่มขายดี ตอนนั้นผมยังทำคนเดียว ยังไม่มีเพื่อนในทีมยุคปัจจุบันมาช่วย ก็มีรู้สึกกดดันและเริ่มอึดอัดเหมือนกัน เช่น ลูกค้าเริ่มบ่นว่ารอนาน เพราะเราทำคนเดียว บางคนก็มาขอถ่ายรูป พอเราไม่ว่าง แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวเสียลูกค้า

คือ โดยรวมตอนนั้น ความรู้สึกเริ่มไม่สนุกแล้ว และร่างกายเราเริ่มไม่ไหวแล้ว เริ่มปวดคอ ปวดแขน ปวดไหล่ ไปหมด จนกระทั่ง คิดจะปิดร้านหนีไปอยู่ต่างจังหวัด แต่ก็ได้คำแนะนำซึ่งเป็นทัศนคติดี ๆ จากพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง แกทำ Page ให้แง่คิด ให้แรงบันดาลใจดี ๆ ในการใช้ชีวิตอะไรประมาณนี้  พอได้คุยกัน แกก็บอกผมว่า ถ้าทำในสิ่งที่ชอบอยู่แล้วจะหนีทำไม ก็ให้ทำเท่าที่ทำไหว แค่ให้รู้สึกว่า ยังสนุกกับมัน ก็ให้ทำต่อไป..
 
 




 
Q : กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของ Black Jack Coffee

A : จริง ๆ ไม่มีกลยุทธ์ของร้าน  สำหรับผม มองว่า ให้ลูกค้าตัดสินใจเอง ในส่วนของร้านเราก็มีโปรโมชั่น หรือเมนูใหม่ ๆ นำเสนอลูกค้าอยู่ตลอด สิ่งที่อยากจะบอก คือ ร้านเราบริการแบบเพื่อนจริง ๆ เราไม่ได้ Fake หรือยกธูปเทียนแพมาถวายแล้วบอกลูกค้าว่า “คุณลูกค้า จะรับอะไรดีครับ”  ซึ่งไม่ใช่เรา.. แต่ร้านเราบริการแบบ Coffee For Friend จริง ๆ

บางทีเราก็รู้ว่า เราไม่สามารถทำให้ลูกค้าพอใจได้ทุกคนทุกกลุ่ม เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราขายจริง ๆ คือ เรามี Gimmick และเราขายตัวตนของเราจริง ๆ รสชาติมันเป็นนามธรรม เราจะเปลี่ยนตามความชอบของลูกค้าไม่ได้ แต่สมมติว่า ลูกค้ากินหวานน้อย ฯลฯ คือแจ้งทางร้านก่อนได้ เราก็จะปรับสูตรให้ตามความต้องการของลูกค้า แต่ถ้าไม่บอก เราก็จะทำตามสูตรของร้าน  ซึ่งถ้าลูกค้าคลิกกับเรา วันต่อ ๆ ไป เขาก็จะมาที่ร้านเราต่อเองนั่นแหละ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น คุณกับผม เราก็คือ Friend กันแล้ว

 
          “ร้านเราบริการแบบเพื่อน เราไม่ประดิษฐ์และไม่ Fake เราขายเครื่องดื่ม เหมือนทำให้เพื่อนกินตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งลูกค้าทุกคน คือ เพื่อนของเรา มันเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งคุณพอใจที่จะซื้อ หรือไม่ซื้อ เราจะไปบังคับคุณไม่ได้”


 

Q : ที่มาของชื่อ BLACK JACK และดีไซน์ของร้าน

A : เป็นการรวมคำที่โคตรง่าย คือ ผมชอบสีดำ ส่วนคำว่า JACK ส่วนตัวผมมองว่า มันเป็นคำที่แทนความเป็น Gentleman หรือบ่งบอกความเป็นผู้ชายได้ดี ส่วนดีไซน์ตกแต่งร้าน  mood & Tone สีดำ และการจัดวางเคาน์เตอร์บาร์ โชว์ดิสเพลย์ ให้ลูกค้าได้เห็นการชงเครื่องดื่มสด ๆ แก้ว/แก้ว รวมไปถึงแนวเพลงที่เปิด คือ มาจาก Emotion ล้วน ๆ คือ มันพูดยากนะ.. คุณต้องลองมาสัมผัสเอง

 


 
Q : เป้าหมายของ BLACK JACK COFFEE

A : เป้าหมายสิ้นปี 2563 นี้ ผมจะ Renovate ร้านให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น เช่น เพิ่มเชลฟ์ เพิ่มแสงไฟในร้าน ลูกเล่นของตกแต่งต่าง ๆ และอีกอย่าง คือ ตอนนี้เรามองหา Partner มาร่วมลงทุนกับเรา คือ เรามี วิธีการและองค์ความรู้การสร้างแบรนด์ (How to & Know how)  

ซึ่งหากใครมีเงินทุน และมีทำเลที่ดี อยากเปิดร้านกาแฟสด แต่ไม่มีความรู้ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง มาปรึกษากับเราได้ (เราไม่ใช่แฟรนไชส์) ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับส่วนแบ่งยอดขายกับทางเรา  และเราจะเข้าไปจัดการระบบให้ ใช้แบรนด์ ใช้อุปกรณ์และวัตถุดิบของเราซึ่งจะจัดหาให้  Partner เพื่อให้รักษามาตรฐานแบบเดียวกับร้านต้นแบบ และเราจะดูแลหลังบ้านให้คุณ ไม่ทอดทิ้งแน่นอน ซึ่งคุณก็แค่รอรับส่วนแบ่งของยอดขาย

ส่วนพนักงานขาย ก็ต้องมีคนของเราไปช่วยดูแลร้านของ partner ของเราด้วย เพื่อช่วยบริหารจัดการร้าน และควบคุมคุณภาพของทางร้านให้เหมือนร้านต้นแบบ ในส่วนเรื่อง Logistic เราจัดส่งวัตถุดิบให้ partner ของเรา พร้อมกับดูแลหลังบ้านและทำการตลาดให้ เพื่อให้ร้านของ partner บริหารแล้วได้กำไร และประสบผลสำเร็จ ไปพร้อมกับเราเช่นกัน
           


“ถ้าแบรนด์เราโตเร็วแต่เละเทะ.. ผมไม่เอา และถ้าเริ่มไม่สนุกในสิ่งที่ทำ.. ผมก็ไม่อยากทำเช่นกัน”

 

บรรยากาศร้าน @ทาวน์อินทาวน์





Q : ฝากอะไรสักหน่อย สำหรับแบรนด์ BLACK JACK COFFEE ไปถึงคอกาแฟ รวมถึงคนที่กำลังค้นหาตัวเอง หรือมองหา “แรงบันดาลใจ” ที่จะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง

A :  ความยากง่ายของการทำธุรกิจนี้ ส่วนตัว คือ การทำรสชาติของกาแฟให้ Mass แต่ไม่ Mass หมายถึง เราต้องหาความธรรมดาและลงตัวให้เจอ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีจุดขาย เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้ ขณะที่เราก็ต้องรักษาตัวตนของแบรนด์เราเองด้วย เพราะถ้าเรายังรักษาตัวตนของเราไม่ได้ เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย..

สุดท้ายอยากฝากบอกทุกคนว่า คนที่กำลังสร้างธุรกิจของตัวเองแต่กลัวเจ๊ง ผมจะบอกว่า ผมก็มีความกลัวที่จะเจ๊ง กับการที่เริ่มต้นหรือต้องย้ายร้านบ่อย ๆ กลัวลูกค้าหดหาย แต่ความกลัวมันดีนะ คือ มันทำให้เราระวังและรอบคอบมากขึ้น แต่มันไม่ใช่ขีดจำกัดที่จะมาบอกว่า เราควรอยู่แค่นี้ คือ ถ้าไม่มีคำว่ากลัว ก็จะไม่มีคำว่าสู้ ถ้าไม่มีความกลัว มันก็จะไม่มีคำว่า เริ่มลงมือทำ เพราะฉะนั้น ความกลัว คือ ข้อดี

คือ ถ้าเราไม่เริ่ม มันก็จะไม่ได้ทำสักที โดยส่วนตัว ผมคิดแค่ว่า ต้องเริ่มทำ และก็ต้องทำให้ได้ ถ้ากลัว หรือเอาแต่คิดอย่างเดียว คือไม่ได้อะไรเลยแน่นอน แต่ถ้ากลัว แล้วลุกขึ้นทำ ตัวแปร มันมีหลายอย่างได้ทั้งเจ๊ง, เจ๊า และ แจ่ม คือ ธุรกิจคุณได้ไปต่อ มันมีอยู่แค่นั้นเอง

ขอแค่คุณตั้งใจที่จะเรียนรู้ และลงมือทำ มองหาทำเล บริหารร้านให้ดี และใส่ใจลูกค้า มันต้องไปได้ดีอย่างแน่นอน หรือถ้าล้มเหลวก็แค่ล้มเหลว แต่เราไม่ได้ตาย ล้มก็แค่หาวิธีแก้ไขและเริ่มใหม่ ลุยกันใหม่ แค่นั้นเอง

สิ่งสำคัญ คือ หาตัวตนให้เจอ และรักษาตัวตนเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีหรือขาดตัวตน คุณก็จะไม่เหลืออะไรเลย

 
          “การมีตัวตน คือ ทำให้คุณยังมีที่ยืน และนั่นคือ จุดยืนของคุณ!


 
ขอขอบคุณ Black jack Coffee town in town
Tel : 093 542 4655
Facebook : BlackJackcoffeetownintown
Email :
blackjack.intown@gmail.com
ร้านเปิดทุกวัน 09.00 – 21.00 น.
 

รูปภาพ

Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
Black jack Coffee  คาเฟ่สุดฮอต โกโก้สุดฮิต เข้มข้นอย่างมีสไตล์ @Town In Town
7,106 คน

taokaecafe.com มีการใช้คุกกี้ อ่านเพิ่มเติม